การอบสมุนไพร
เป็นการนำสมุนไพรสดหลายๆชนิดที่มีน้ำมันหอมระเหย มาต้มเพื่อให้เกิดไอน้ำขึ้นภายในตู้อบหรือกระโจม นิยมใช้ในการบำบัดและส่งเสริมสุขภาพ ในการกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ช่วยให้หลอดลมขยายหายใจสะดวกมากขึ้น และขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอด ใช้อุณหภูมิ 42-45 องศาเซลเซียส
ข้าอบสมุนไพรไม่เกิน 30 นาที โดยแบ่งรอบอบเป็นรอบละ 10-15 นาที ออกมาพักข้างนอกตู้อบประมาณ 5 นาที เป็นเวลา 2-3 รอบ
ประโยชน์ของการอบสมุนไพร
1. ช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก
2. ทำให้โลหิตไหลเวียนสะดวก ผิวพรรณผุดผ่อง เปล่งปลั่ง มีเลือดฝาด
3. ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
4. ทำให้มดลูกของมารดาหลังคลอดเข้าอู่เร็วขึ้น ช่วยขับน้ำคาวปลา ช่วยฟื้นฟูสุขภาพมารดาหลังคลอดสุขภาพดีขึ้น
5. ช่วยแก้อาการเหน็บชา อาการชาตามปลายเท้า ปลายนิ้วมือ แขน และขา
6. บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ข้อห้ามในการอบสมุนไพร
1. มีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส
2. มีอาการอ่อนเพลีย อดนอน อดอาหาร
3. หลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ ไม่เกิน ๓๐ นาที
4. ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค
5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก โรคลมบ้าหมู โรคหอบหืดระยะรุนแรง โรคไตชนิดรุนแรง โรคหัวใจ มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย
6. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ที่มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ อาเจียน
7. ผู้ที่มีบาดแผลเปิด มีการอักเสบของบาดแผล หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนัง
8. หญิงขณะมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
9. ผู้ที่แพ้สมุนไพร หรือแพ้ความร้อน
ข้อควรระวังในการอบสมุนไพร
1. ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำกว่า 90/60 หรือสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท มีความเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติ ต้องสังเกตอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด
2. ไม่ควรอบนานเกิน 30 นาที จะทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้อ่อนเพลียและอาจเป็นลมได้
3. ในขณะอบไอน้ำสมุนไพร หากมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ควรหยุดทันที
หมายเหตุ : ชำระเงินเอง ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิการรักษา